วิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า กันไฟเกิน ไฟตก ช่วยยืดอายุการใช้งาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับปัจจุบันนี้ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน คอนโดหรือหอพัก ฉะนั้น เครื่องใช้ไฟไฟฟ้าต่างๆ จะต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มาดูวิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อย่างถูกต้องกันได้ในบทความนี้เลย
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คืออะไร
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ การทนุถนอมหรือการใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดด้วย ทั้งนี้การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงและควรทำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่าแล้ว หรือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ความสำคัญในการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอและยืดอายุการใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากระบบไฟฟ้าที่สามารถเกิดขึ้นทุกช่วงเวลา รวมถึงยังทำให้การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย
วิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มักมีอายุการใช้งานและวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ มาดูกันว่าการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแต่ละชนิด มีวิธีการดูแลอย่างไร ดังนี้
ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง
ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็น เพื่อเก็บรักษาอาหาร วัตถุดิบต่างๆ มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ไม่นำของที่กำลังร้อนอยู่ใส่ตู้เย็นทันที ควรวางทิ้งไว้ข้างนอกเพื่อรอให้หายร้อนก่อน
- หลังจากเปิดตู้เย็นหรือตู้แช่แล้ว ควรปิดให้สนิททุกครั้ง
- ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับของในตู้เย็นและตู้แช่
- ไม่ควรแช่ของเยอะจนเกินไป ให้เลือกเก็บเฉพาะวัตถุดิบหรืออาหารที่จำเป็นเท่านั้น
- หากยางขอบประตูตู้เย็นหรือตู้แช่ชำรุด ให้รีบแก้ไขทันที
- ทำความสะอาดในส่วนของแผงระบายความร้อนบ่อยๆ
- ตำแหน่งที่ตั้งของตู้เย็นและตู้แช่ ควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถระบายความร้อนได้ดี
เตารีดไฟฟ้า
เตารีดไฟฟ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน ใช้สำหรับในการรีดเสื้อผ้าให้มีความเรียบ มีอายุการใช้งานประมาณ 9 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้ หากใช้งานเสร็จแล้วให้ถอดปลั๊กทันที
- ในระหว่างรีดผ้า ควรปรับความร้อนของเตารีดให้เหมาะกับชนิดของผ้า
- ควรพรมน้ำบนผ้าแต่พอดี อย่าพรมจนเปียกเกินไป
- เนื่องจากเตารีดนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง ควรรีดผ้าครั้งละหลายๆ ตัว เพื่อให้ประหยัดไฟ
- หมั่นตรวจสอบเตารีดก่อนใช้งานทุกครั้ง ว่ามีตรงไหนชำรุดหรือไม่
เครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับการทำความสะอาดของเสื้อผ้าต่างๆ มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- เลือกอุณภูมิของน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของเสื้อผ้า
- ไม่ควรใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องซักผ้าเยอะเกินไป
- หมั่นสังเกตสายยางระบายน้ำอยู่เสมอว่ามีการชำรุดหรือไม่
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน จนข้าวสุก มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ไม่ควรหุงข้าวเยอะเกินไป ควรหุงให้พอดีกับจำนวนของผู้ที่จะรับประทาน
- ถอดปลั๊กทุกครั้ง หลังหุงข้าวสุกแล้ว
- อย่าปล่อยให้ก้นหม้อไหม้จนมีสีดำ
- ในระหว่างหุงข้าว ควรปิดฝาหม้อให้สนิท
- หมั่นตรวจสอบบริเวณแท่นความร้อนในหม้ออยู่เสมอ
หลอดไฟส่องสว่าง
หลอดไฟส่องสว่าง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เกิดความสว่าง มีอายุการใช้งานประมาณ 4 – 6 ปี โดยขึ้นอยู่กับชนิดของหลอดไฟด้วย ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ปิดไฟทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- เลือกหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์ที่เหมาะสม
- หากพบว่าหลอดไฟมีความสว่างน้อยลง ให้ตรวจเช็กและเปลี่ยนทันที
- เลือกใช้หลอดไฟให้เหมาะสมกับบริเวณต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ติดตั้งหลอดไฟไอโซเดียม บริเวณนอกบ้าน
พัดลม
พัดลม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานด้วยมอเตอร์ เพื่อให้ใบพัดหมุนและมีลมออกมา มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ปิดทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือเปิดเฉพาะเวลาที่ใช้งานเท่านั้น
- หากมีฝุ่นเกาะอย่างหนาแน่น ให้ทำความสะอาด
- หลังจากที่แกะพัดลมออกมาทำความสะอาดแล้ว ให้ประกอบส่วนที่แกะออกมาให้เหมือนเดิม โดยล็อกให้แน่นครบทุกจุด
เครื่องทำน้ำอุ่น
เครื่องทำน้ำอุ่น คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานคู่กับฝักบัว ที่จะเปลี่ยนให้น้ำเย็นเป็นน้ำอุ่น มีอายุการใช้งานประมาณ 10 – 11 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ก่อนใช้งาน ให้อ่านคู่มือและปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือที่แนบมากับเครื่องทำน้ำอุ่น
- การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ควรต่อสายลงดินด้วย
- หากพบว่ามีความผิดปกติบนตัวเครื่อง เช่น รอยรั่ว ให้หยุดใช้งานก่อน แล้วรีบแก้ไขทันที
- หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ให้ปิดก๊อกน้ำทุกครั้ง
- ควรปรับขนาดความร้อนให้พอเหมาะกับที่ร่างกายรับไหว ไม่ควรปรับจนร้อนเกินไป
- ปิดสวิตช์บนตัวเครื่องทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องทำน้ำอุ่น
เครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกว่าแอร์ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถปรับอุณหภูมิให้เย็นตามต้องการได้ มีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ขณะเปิดใช้งาน ให้ปิดประตู หน้าต่างให้สนิท เพื่อกันความร้อนจากภายนอกเข้ามา
- ควรปิดทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- เลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ
- ให้ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนและแผ่นกรองอากาศบ่อยๆ
- ควรเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดพอดี พอเหมาะกับห้อง
เตาอบไฟฟ้า ไมโครเวฟ
เตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนแก่อาหาร เพื่อให้อาหารสุกหรือเป็นการถนอมอาหารไว้ มีอายุการใช้งานประมาณ 7 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ไม่ควรเปิดฝาตู้ดูบ่อยๆ
- ก่อนเปิดเครื่องให้ทำงาน ให้ปิดฝาภาชนะให้สนิททุกครั้ง
- ถอดปลั๊กออกทันที เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- เลือกใช้ภาชนะที่ทนความร้อนได้ดี ก่อนที่จะนำไปใส่เตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟ
- ควรเลือกเตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟที่มีคุณภาพดี มีความปลอดภัย
เครื่องสูบน้ำ
เครื่องสูบน้ำ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถเคลื่อนย้ายของเหลวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
- ควรติดตั้งถังเก็บน้ำในบริเวณที่ไม่สูงเกินไป
- ให้ติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติในการควบคุมระดับน้ำ หากไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ต้องคอยดูระดับน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำล้นถังออกมา
- ตรวจสอบจุดรั่วก่อนใช้งานทุกครั้ง
- หากติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบมีสายพาน ต้องดูแลไม่ให้สายพานหย่อนหรือตึงเกินไป
ความสำคัญในการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
นอกจากการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการชำรุดและเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายด้วยวิธีที่หลากหลาย ดังนี้
1. ตรวจสอบสายไฟ และปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานก่อนที่จะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดจากไฟช็อตได้ หากสังเกตแล้วพบว่ามีความผิดปกติบริเวณสายไฟหรือปลั๊กไฟ เช่น มีรอยขาด รอยรั่ว หรือเสียบปลั๊กไปแล้วมีเสียง หรือมีกลิ่นไหม้ใดๆ ให้หยุดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อน และรีบซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน
2. หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน มอก.
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน มอก. คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเครื่องหมายแสดงคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ซึ่งก่อนจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ตรวจสอบดูว่ามีเครื่องหมายตามมาตรฐาน มอก. หรือไม่ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน มอก. จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพที่ดี ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า เช่น ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดง่าย
3. ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด ป้องกันไฟดูด ไฟช็อต
การลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการหมั่นตรวจสอบความผิดปกติของตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ เช่น ตัวเครื่อง สายไฟ หากพบว่ามีการชำรุด ห้ามใช้งาน และรีบแก้ไขซ่อมแซมโดยด่วน
4. ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ด้วยอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก
สำหรับอาการไฟตก ไฟกระชาก ซึ่งเกิดในช่วงเวลาหนึ่งอย่างรวดเร็ว ที่อาจสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่ โดยสาเหตุของการเกิดไฟตก ไฟกระชากอาจมาจากฟ้าผ่า หรือระบบไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน หรือไฟฟ้าลัดวงจร มีการใช้เครื่องไฟฟ้าที่กินไฟในปริมาณมากพร้อมกัน ซึ่งการติดตั้งตัวกันไฟตก จะเป็นอุปกรณ์ช่วยลดแรงดันไฟฟ้าและช่วยกันไฟเกิน เช่น กันไฟกระชากตู้เย็น สำหรับใครที่อยากการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ที่ Chuphotic มี อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก ที่สามารถป้องกันไฟตก ไฟกระชากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
5. เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
สำหรับการเปิด-ปิด บนเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ได้เพียงแต่จะช่วยให้ประหยัดไฟเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปิดหรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
6. เลือกใช้บริการช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์
หากพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดเสียหายหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีปัญหา ให้หลีกเลี่ยงการแก้ไขด้วยตนเอง เพื่อความปลอดภัย จึงควรเลือกใช้บริการช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้าน จะมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการทำงานต่อไป
สรุป
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ การทะนุถนอม การใช้อย่างระมัดระวัง ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากระบบไฟฟ้าที่สามารถเกิดขึ้นทุกช่วงเวลา และทำให้การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย นอกจากการการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ชำรุดแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ การป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ด้วยอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก ซึ่งวิธีเหล่านี้นอกจากจะเป็นการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังสามารถช่วยให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย